ยูเครนมีห้องแล็ปผลิตเชื้อโรค จริงดิ?!

ยูเครนมีห้องแล็ปผลิตเชื้อโรค จริงดิ?!

        เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวออกว่อนอินเตอร์เน๊ตว่า ยูเครนได้เพาะเชื้อโรคและมีห้องเเล็ป ชาวเน็ตต่างบอกกันเสียงแตกว่า ไม่มีจริงหรอก ฝ่ายตรงข้ามใส่ร้ายบ้างละ บางบอกมีจริง จนไม่นานมานี้ องกรค์ WHO ได้ออกมาแถลงแล้วว่า “มีอยู่จริง”

โอ้ว >< น้องเมดิคนี้เครียดละคับ :(

แต่อย่าพึ่งกังวลกันไป น้องเมดิคหาข่าวมาได้ว่า….

"อาจเป็นเพราะ การเคลื่อนกำลังทหารของรัสเซียเข้าสู่ยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และการระเบิดถล่มเมืองต่างๆ เพิ่มความเสี่ยงที่เชื้อโรคที่ก่อโรคติดต่อ จะหลุดออกจากห้องแล็บ หากสถานที่เหล่านั้นได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศ ยูเครนมีห้องปฏิบัติการด้านสาธารณสุขที่ทำการวิจัยหาวิธีบรรเทาภัยคุกคามของโรคอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสัตว์และมนุษย์ รวมถึงโควิด-19 โดยห้องปฏิบัติการของยูเครนได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ สหภาพยุโรป และ WHO"

         แต่ทั่งนี้ WHO ได้มีการเรียกร้องให้ยูเครนทำลายเชื้อโรคเพื่อไม่ให้มีการรั่วไหลออกมา และมีการชับอย่างหนักแน่นว่าห้ามใช้ในการสงครามหรือใดๆ ทั่งนี้ยูเครนยังไม่มีการยอมรับใดๆทั่งสิ้น

 

น้องเมดิคภาวนาให้เชื้อโรคนี้ไม่มีการรั่วไหลออกมานะครับ เพราะอาจจะร้ายแรงกว่าโควิด ซึ่งโควิดตอนนี้ก็ย่ำแย่มาก

ข่าวสารแนะนำ
...
การนอนกรน

นอนกรนเกิดจากอะไร อาการนอนกรนเกิดจาก การที่ช่องทางเดินหายใจส่วนต้นของเรา เกิดการตีบแคบลง ทำให้ลมหายใจที่ผ่านเข้ามาผ่านช่องที่แคบนี้ เกิดการกระพือ และกลายเป็นเสียงกรนขึ้น ดยปกติตามธรรมชาติ คนเราเมื่อนอนหลับ กล้ามเนื้อต่างๆ จะมีการหย่อนตัวหรือคลายตัวลง ซึ่งอวัยวะในช่องทางเดินหายใจของเรา เช่น เพดานอ่อน หรือโคนลิ้น ก็จะหย่อนลงมาทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบลงได้ โดยเฉพาะเวลาที่เรานอนหงาย ทีนี้ พอช่องทางเดินหายใจมันแคบลง เวลาเราหายใจเอาอากาศเข้ามา ลมที่ผ่านช่องที่แคบนี้ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อดังกล่าวเกิดการกระพือ (คล้ายๆ กับเวลาที่ลมเป่าลมผ่านหลอดเล็กๆ นั่นแหละครับ) เมื่อกล้ามเนื้อเกิดการกระพือ หรือสั่นสะเทือน ก็จะเกิดเป็นเสียงกรนขึ้น และนี่ก็คือสาเหตุของการนอนกรนนั่นเอง&nbsp; สียงกรนที่เกิดขึ้นอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของอวัยวะที่เกิดการสั่น เช่น ถ้าเกิดการสั่นที่เพดานอ่อน หรือลิ้นไก่ ก็จะทำให้เกิดเสียงกรนในลำคอ หรือถ้าเกิดการสั่นที่เนื้อเยื่ออ่อนด้านหลังโพรงจมูก ก็จะทำให้เกิดเสียงกรนแบบขึ้นจมูก เป็นต้น สาเหตุการนอนกรน ที่พบได้บ่อยๆ มีดังนี้ น้ำหนักตัวเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เบื้องต้นดูได้จากค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ครับ ไขมันในช่องคอหนา ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ ก็ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนได้ นอนกรนมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น สูบบุหรี่เป็นประจำ ความเหนื่อย กับการนอนกรน ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างมาก นอนหงายเป็นประจำ ช่องจมูกคด ช่องจมูกตีบตัน อาจเนื่องจากภูมิแพ้ การรับประทานยาบางชนิด ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองในทางเดินหายใจ สรีระผิดปกติ เช่น คางเล็ก ลิ้นไก่ใหญ่กว่าปกติ โคนลิ้นอ้วน เป็นต้น วิธีรักษานอนกรนด้วยหลักการแพทย์ หากท่านพบแพทย์ และทำการตรวจการนอนหลับแล้ว แพทย์มักแนะนำทางเลือกในการรักษานอนกรน ดังนี้ ใช้เครื่องอัดอากาศ CPAP ใช้ที่ครอบฟัน (Oral appliance) ผ่าตัด (Surgical Treatment) วิธีแก้อาการนอนกรนด้วยตัวเองแบบง่ายๆ นอกจากการรักษาโดยการพบแพทย์แล้ว ในเบื้องต้น ท่านอาจเริ่มทำตามวิธีต่างๆ ที่ผมกำลังจะบอกให้เหล่านี้ เพื่อแก้อาการนอนกรนด้วยตัวท่านเองก็ได้ครับ ซึ่งวิธีเหล่านี้ เป็นเพียงการแก้ไขเบื้องต้นเท่านั้น และใช้บรรเทาอาการกรนแบบธรรมดา ที่ไม่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย หากท่านมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ท่านต้องไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาตามหลักการแพทย์เท่านั้นนะครับ วิธีแก้นอนกรนด้วยตัวเอง เปลี่ยนท่านอน โดยมากท่านอนหงาย จะเป็นท่าที่ทำให้เกิดการกรนมากที่สุด ท่านอาจลองปรับมานอนตะแคงดูก็ได้ หรือถ้านอนตะแคงไม่ได้จริงๆ ก็ให้นอนหงายแต่พยายามหาอะไรมารองหนุนศีรษะ เพื่อยกระดับศีรษะตอนนอนให้สูงขึ้น ก็พอช่วยได้ครับ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ข้อนี้ทุกท่านควรทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะนอนกรนหรือไม่ก็ตาม การออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อในช่องทางเดินหายใจมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ขณะที่นอนหลับกล้ามเนื้อต่างๆ ในช่องคอ จะได้ไม่หย่อนลงมาขวางช่องทางเดินหายใจของเราได้ ลดน้ำหนัก อันนี้มีผลโดยตรง หากน้ำหนักเราลดลง ไขมันต่างๆ ในช่องคอก็จะลดลง ทำให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอน งด ชา กาแฟ ก่อนนอน เลิกบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่นอกจากจะทำร้ายร่างกายของเราแล้ว อาจมีผลทำให้ระบบทางเดินหายใจของเราผิดปกติ และเกิดการกรนได้ ทำความสะอาดเครื่องนอนอย่างสม่ำเสมอ เช่น หมอน ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม เพราะสิ่งสกปรก หรือเชื้อโรคที่ติดอยู่ตามเครื่องนอนของเรานั้น อาจทำให้เกิดหอบหืด ภูมิแพ้ได้ ซึ่งทำให้ช่องทางเดินหายใจของเราตีบแคบ และเกิดเสียงกรนได้ครับ ลองเพิ่มความชื้นภายในห้องนอนของท่าน เช่น&nbsp; หาแก้วหรือชามใส่น้ำมาวางไว้ข้างๆ เตียงนอน หรือซื้อเครื่องทำความชื้นมาไว้ในห้อง ล้างจมูกบ่อยๆ แนะนำให้ล้างด้วยน้ำเกลือ โดยใช้กระบอกฉีดยา ฉีดเข้าทางรูจมูกเป็นประจำก่อนนอน เพื่อทำให้จมูกโล่ง

2022-02-28 10:47:46

...
วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5

วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้วยตัวเอง ฝุ่น PM 2.5 และผลกระทบต่อสุขภาพไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่แค่ปล่อยไว้เดี๋ยวฝุ่นก็หายไปหรือไม่นานอาการจากการหายใจเอาฝุ่นเข้าไปมาก ๆ ก็จะดีขึ้น&nbsp; รับมือกับฝุ่น PM 2.5 เมื่ออยู่นอกบ้าน หากจำเป็นต้องออกไปใช้ชีวิต เรียน ทำงาน หรือทำกิจกรรมใด ๆ นอกบ้านในช่วงที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้ สวมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานและระบุชัดเจนว่าช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 เช่น หน้ากากมาตรฐาน N95 หรือ KF94 จากแหล่งผลิตมาตรฐาน เนื่องจากหน้ากากอนามัยแบบทั่วไปหรือประเภทกันซึม (Surgical Mask) มักไม่สามารถกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ได้&nbsp; เลือกไปในสถานที่ที่มีคนน้อย ไม่แออัด และห่างไกลจากถนนที่มีการจราจรคับคั่ง หากต้องอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นละออง ควรจำกัดระยะเวลาการอยู่ภายนอกบ้านหรือการทำกิจกรรมกลางแจ้งให้น้อยลง&nbsp; หากต้องการออกกำลังกายควรงดกิจกรรมหรือกีฬาประเภทที่ทำให้หายใจแรงหรือเร็วมาก เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน การเตะฟุตบอล หรือการเล่นแบดมินตัน เพราะอาจทำให้เราหายใจเอาฝุ่นเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการสวมหน้ากาก N95 ขณะออกกำลังกายด้วย เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการขาดออกซิเจน หลีกเลี่ยงถนนหรือบริเวณริมถนนที่มีรถติดหรือสัญจรไปมาอยู่เสมอ เนื่องจากยานพาหนะบางประเภทอาจปล่อยควันดำหรือฝุ่น PM 2.5 ออกมาได้ ไม่เผาไม้ ใบไม้ ขยะ หรือกระดาษเงินกระดาษทองในที่โล่งแจ้งแม้จะเป็นขยะหรือกิ่งไม้กองเล็ก ๆ ก็ตาม เนื่องจากการเผาสิ่งของเหล่านี้สามารถสร้างฝุ่นละอองในอากาศให้มากขึ้น&nbsp; ป้องกันฝุ่น PM 2.5 เมื่ออยู่ในบ้าน บางคนอาจคิดว่าแค่อยู่ในบ้านก็ปลอดภัยแล้ว แต่ที่จริงฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้ามาในที่อยู่อาศัยของเราได้ จึงควรลดปริมาณฝุ่นละอองภายในบ้านด้วยวิธีต่อไปนี้ หากบ้านอยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองสูงควรปิดประตูหรือหน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่นจากภายนอกเข้ามาในบ้าน&nbsp; หาอุปกรณ์หรือตัวช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองหรือฟอกอากาศภายในบ้าน&nbsp;อาทิ เครื่องฟอกอากาศ หรือต้นไม้ขนาดย่อม ๆ&nbsp;&nbsp; หมั่นเช็ดล้างและทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ให้สะอาด ปราศจากฝุ่นอยู่เสมอ หากต้องการใช้เครื่องดูดฝุ่นควรเลือกรุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air) ซึ่งจะช่วยดักจับฝุ่น ควัน ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ หรือสิ่งแปลกปลอมในอากาศได้ดีกว่าแผ่นกรองทั่วไป&nbsp; ไม่ควรสูบบุหรี่หรือประกอบอาหารที่ใช้ฟืนหรือถ่าน เพื่อลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอากาศ&nbsp; &nbsp; อ้างอิง :https://www.pobpad.com

2022-02-28 10:46:53

...
ขั้นตอนการลงสกินแคร์อย่างถูกต้อง

ขั้นตอนที่ 1 : Makeup Remover เราต้องมาเริ่มกันที่การคลีนผิวหน้าก่อนเลยค่ะ ในตอนกลางคืนเราก็อาจจะต้องใช้ Makeup Remover ในการเช็ดเครื่องสำอาง ฝุ่น หรือสิ่งสกปรกบนใบหน้ากันก่อน เพราะทั้งวันเราเจอมลภาวะ สิ่งสกปรกเยอะมาก ควรจะเช็ดออกให้หมด แต่ในตอนเช้าอาจจะไม่ต้องใช้ตัวนี้นะคะ ส่วนในเรื่องการเลือก Makeup Remover เราก็แนะนำว่าให้เลือกตัวที่เหมาะกับสภาพผิวเราค่ะ และควรจะแยกใช้ตัวที่เช็ดเฉพาะส่วนอย่างรอบดวงตา และริมฝีปากด้วย เพราะเค้าเป็นส่วนที่บอบบางมาก อาจจะระคายเคืองได้ง่าย ขั้นตอนที่ 2 : Cleanser หลังจากเช็ดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนใบหน้าไปแล้ว ต่อไปเราก็ต้องมาล้างหน้ากันค่ะ และ Facial Cleanser ก็มีหลากหลายแบบมาก ทั้งเป็นโฟม เป็นเจล หรือแม้แต่สบู่ ดังนั้นเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของเรา ขั้นตอนที่ 3 : Toner หลังจากทำความสะอาดใบหน้าแล้ว เราก็จะลง Toner เพื่อเปิดรูขุมขน และปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงต่อ เพื่อให้สกินแคร์ที่เราใช้หลังจากนี้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น แถมยังช่วยสร้างสมดุลให้กับผิวหน้าของเราด้วยค่ะ ถ้าใครยังสงสัยในเรื่องของโทนเนอร์ &amp; คลีนซิ่งต่างกันอย่างไร ขั้นตอนที่ 4 : Spot Treatment ต่อไปจะเป็นการบำรุงผิวเฉพาะจุด หรือ Spot Treatment ค่ะ บำรุงผิวเฉพาะจุดก็จะเป็นจำพวกครีมทาสิว ครีมทารอยจุดด่างดำ รอยแผลต่างๆ ที่เราต้องการการบำรุงแบบเฉพาะจุดนั่นเองค่า สาเหตุที่เราต้องทาเฉพาะจุดก่อนลงสกินแคร์ตัวอื่น เพราะว่าควรให้เนื้อสกินแคร์สัมผัสกับผิวโดยตรงมากที่สุด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดนั่นเองค่ะ ขั้นตอนที่ 5 : Eye Cream เราคิดว่าอายครีมอาจจะเป็นหนึ่งใน List ของการทาสกินแคร์เฉพาะจุดด้วยนะการทาอายครีมก็สำคัญมากนะคะเพราะหากใต้ตาดำจะทำให้ดูไม่มีชีวิตชีวาและดูอ่อนล้า ขั้นตอนที่ 6 : Essence/Serum บางคนก็จะมีตัว Pre-essence ลงก่อน เพื่อปรับสภาพผิวอีกครั้งหลังจากเช็ดโทนเนอร์ ขั้นตอนนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญมากเลยนะคะทุกคน เพราะหลายๆตัวเค้ามีคุณสมบัติช่วยให้ใบหน้าเราสามารถรับการบำรุงเพิ่มมากขึ้น แถมยังทำให้ผิวชุ่มชื่นอิ่มน้ำด้วยค่ะ ขั้นตอนที่ 7 : Day/Night Cream เนื่องจากว่าเนื้อครีมส่วนมากจะมีความเข้มข้น และหนาแน่นที่สุด เราเลยต้องใช้ในขั้นตอนท้ายๆของการลงสกินแคร์ และขั้นตอนนี้แหละที่ทำให้ผิวหน้าเราได้รับการบำรุงสูงสุด อย่าลืมเลือกครีมให้เหมาะกับปัญหา และสภาพผิวของเรา ขั้นตอนที่ 8 : Sunscreen ขั้นตอนนี้ข้ามไปไม่ได้เลยเพราะสำคัญมาก หากไม่ทากันแดดผิวเราจะไหม้ เสีย และทำให้เกิดฝา กระ หากไม่ทาและต้องอยู่ในที่แดดแรงอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น ขั้นตอนนี้สำคัญมากลืมไม่ได้เลยนะคะ &nbsp; &nbsp;

2022-02-28 10:46:00

...
การลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด

การลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด ระบบการทำงานภายในร่างกายก็แตกต่างกันไปตามกรุ๊ปเลือด ซึ่งการจะ ลดน้ำหนัก หรือเลือก กินอาหาร นั้น ก็ควรเลือกให้เหมาะหรือสมดุลกับกรุ๊ปเลือดค่ะ เพราะจะช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้ร่างกายมีความสมดุลมากขึ้นด้วย กรุ๊ป A ร่างกายของสาวกรุ๊ป A จะย่อยโปรตีนจากสัตว์ค่อนข้างยาก แต่สามารถย่อยคาร์โบไฮเดรตได้ดี อีกทั้งคนกรุ๊ป A ยังมี Stress Hormone หรือฮอร์โมนความเครียดค่อนข้างสูง ซึ่งถ้าเครียดเมื่อไหร่ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมามากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้ล่ะค่ะจะไปกระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้เก็บไขมันมากขึ้น ที่สำคัญร่างกายจะรู้สึกอยากอาหารโดยเฉพาะอาหารที่เป็นไขมันมากขึ้นด้วย ฉะนั้นบอกเลยค่ะว่า คนกรุ๊ปนี้ ยิ่งเครียด ก็จะยิ่งอ้วน! ซึ่ง การลดน้ำหนักที่ดีที่สุดของคนกรุ๊ป A ก็คือการกินผักผลไม้ให้มากขึ้น นั่นเองค่ะ อาหารที่ควรกิน: ผักใบเขียว, บล็อคโคลี, แครอท, ผักกาดหอม, กระเทียม, คะน้า, หอมใหญ่, ฟักทอง, ผักโขม, ผักชี, หัวไชเท้า, น้ำมันที่สกัดจากผัก เช่น น้ำมันมะกอก, ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแมคเคอเรล ปลากระพงแดง ปลากระพงขาว ปลาแซลมอน, ถั่ว, ข้าวโอ๊ต, เมล็ดฟักทอง, ผลไม้ประเภทเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ เชอร์รี่, น้ำผลไม้ เช่น สับปะรด พรุน แครอท และชาสมุนไพร เช่น จินเส็ง ชาเขียว ชาคาร์โมมายล์ อาหารที่ควรเลี่ยง: เนื้อสัตว์สีแดง, นม, โยเกิร์ต, ไข่, กระหล่ำปลี, มะเขือยาว, มะเขือเปราะ, มะเขือเทศ, มันฝรั่ง คนกรุ๊ป B:มีระบบย่อยอาหารที่ค่อนข้างสมดุลมากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่นๆ ค่ะ สามารถกินอาหารได้หลากหลายประเภทหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ นม ไข่ หรือผักต่างๆ แต่ที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ เนื้อไก่ เพราะเป็นอาหารที่มีเลคตินโปรตีนค่อนข้างสูง ซึ่งหากมีเลคตินมากจะเป็นอันตรายต่อระบบเลือดได้ค่ะ ฉะนั้น การลดน้ำหนักที่ดีที่สุดของกรุ๊ป B ก็คือ การกินอาหารทุกอย่างอย่างสมดุล นั่นเองค่ะ อาหารที่ควรกิน: อาหารประเภทนม เนย และไข่ แต่ควรเน้นแบบ Low Fat, ผักสีเขียวทั้งหลาย, ปลาน้ำลึก เช่น ปลาหิมะ ปลาจาระเม็ด, น้ำนมข้าว, ข้าวโอ๊ต, น้ำมันมะกอก และผลไม้เกือบทุกชนิด อาหารที่ควรเลี่ยง: เนื้อหมู เนื้อไก่ หอยเชลล์ เพราะมีเลคตินโปรตีนที่อันตรายต่อระบบเลือดและสมอง, ถั่วต่างๆ และอาหารทุกชนิดที่ทำจากแป้งสาลี ข้าวโพด เพราะไม่ดีต่อระบบเผาผลาญ ผักและผลไม้ที่ควรเลี่ยง เช่น มะเขือเทศ ข้าวโพด มะเฟือง ทับทิม เพราะมีผลต่อระบบย่อยอาหาร&nbsp; คนกรุ๊ป O:ควรลดน้ำหนักด้วยการกินอาหารที่มีโปรตีนและไอโอดีนสูง เช่น อาหารทะเล หรือสาหร่ายทะเลเพิ่มขึ้น&nbsp; อาหารที่ควรกิน: เนื้อแดง, อาหารทะเล เพื่อป้องกันโรคไทรอยด์และอาการเลือดไม่แข็งตัว (แต่ควรระวังเรื่องคอเลสเตอรอลด้วยนะคะ) ผักต่างๆ ที่ดีมาก คือบล็อคโคลี และถั่วกินได้เกือบทุกชนิด, ชาสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ชาขิง, ผลไม้กินได้เกือบทุกชนิด ยกเว้น ส้ม อาหารที่ควรเลี่ยง: เนื้อหมู, แฮม, ผักตระกูลกะหล่ำ เพราะมีผลต่อไทรอยด์, อาหารที่ทำจากแป้งสาลี เพราะมีผลต่อการย่อยอาหาร, น้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธี, ชาและกาแฟ เพราะจะยิ่งเพิ่มกรดในระบบย่อยอาหาร &nbsp;กรุ๊ป AB:&nbsp;มีลักษณะที่เป็นส่วนผสมของคนกรุ๊ป A และ กรุ๊ป B เข้าด้วยกันค่ะ โดยมีกรดในกระเพาะต่ำเหมือนสาวกรุ๊ป A แต่สามารถกินอาหารได้หลากหลายเหมือนสาวกรุ๊ป B ฉะนั้น การลดน้ำหนักที่ดีของสาวกรุ๊ปนี้ จึงต้องเป็นการกินผักหรือมังสวิรัติหน่อยๆ ผสมผสานไปกับการกินให้สมดุลแบบสาวกรุ๊ป B&nbsp;และการออกกำลังกายที่เหมาะกับคนกรุ๊ป AB นั้นจะเป็นประเภทแอโรบิก หรือการออกกำลังกายแบบเบาๆ อย่างโยคะ จึงจะให้ผลดีที่สุดค่ะ อาหารที่ควรกิน: ปลาต่างๆ ยกเว้น ปลาเนื้อขาว, นม, เนย, ไข่, โยเกิร์ต และชีสสามารถกินได้ แต่ในปริมาณที่พอเหมาะ, ข้าวโอ๊ต, อาหารต่างๆ ที่ทำจากแป้งสาลี, ผักกินได้เกือบทุกชนิด เน้นบล็อคโคลี แตงกวา และผักใบเขียว, เห็ด, กระเทียม, ผลไม้ที่ควรกิน เป็นพวกองุ่น เชอร์รี่ สับปะรด เลมอน กีวี จะช่วยย่อยและล้างลำไส้, ชาสมุนไพร เช่น ชาเขียว ชาคาโมมายล์ อาหารที่ควรเลี่ยง: เนื้อสัตว์ประเภทเนื้อวัว เนื้อหมู ปลาหมึก เป็ด ห่าน เพราะย่อยยาก, ถั่ว ข้าวโพด แป้งข้าวโพด เพราะจะไปชะลอการทำงานของอินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดอาจลดลงได้อย่างเฉียบพลัน, ผลไม้ เช่น มะม่วง ฝรั่ง กล้วย มะพร้าว อะโวคาโด, พริกไทยดำ, น้ำส้มสายชู, เครื่องดื่มอัดแก๊สและโซดา

2022-02-28 10:45:11